วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เครื่องแต่งกาย ฤดู

Shirt เสื้อเชิ๊ต - tie / necktie เนคไท - belt เข็มขัด - Jacket เสื้อสวมทับแขนยาว - Coat ชุดสวมทับ - shoes รองเท้า - pants กางเกงขายาว - raincoat ชุดสวมทับกันฝน - Heel / High Heel รองเท้าส้นสูง - skirt กระโปรง - blouse เสื้อเชิ๊ตผู้หญิง - scarf ผ้าพันคน - hat หมวก - cap หมวกแก็ป - T-shirt เสื้อยืด - Sweater เสื้อไหมพรม - Jeans กางเกงยีนส์ - Gloves ถุงมือ - Boots รองเท้าบูท - shorts กางเกงขาสั้น - socks ถุงเท้า - sneakers รองเท้าผ้าใบ - pajamas ชุดนอน - swimsuits ชุดว่ายน้ำ - dress ชุดยาวผู้หญิง - sandal / flip-flop รองเท้่าแตะ

สี
white ขาว - light gray เทาอ่อน - gray เทา - dark gray เทาเข้ม - black ดำ
beige เบส / #F5F5DC - brown น้ำตาล - yellow เหลือง - red แดง - pink ชมพู - orange ส้ม - purple ม่วง

คำแสดงการเป็นเจ้าของ
I -> my
you -> your
he -> his
she -> her
we -> our
they -> their

Are our clothes dry? ชุดของพวกเราแห้งหรือยัง
Yes, they are แห้งแล้ว

Are Tony's and Mary's clothes OK? ชุดของแมรี่และโทนี่โอเคไหม
No, their clothes aren't ok. ชุดของพวกเขายังไม่แห้ง

What's Tony's Favorite Color? สีโปรดของโทนี่สีอะไร?
His Favorite color is Black. สีโปรดของเขาคือสีดำ

Is this Tony's shirt? เสื้อนี้ขอโทนี่หรือเปล่า?
no,it's not his shirt. ไม่,มันไม่ใช่เสื้อของเขา

ฤดู
winter ฤดูหนาว - summer ฤดูร้อน - spring ฤดูใบไม้ผลิ - fall ฤดูใบไม้ร่วง

What season is it now? ตอนนี้ฤดูอะไร?
It's winter ฤดูหนาว

in summer the weather is sunny, hot and humid
in Fall the weather in bangkok is cool , cloundy and windy.
in winter. it's snowing.it's very cold.
in spring. it's raining. It's warm.

What's the matter? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
It's Raining ฝนตกแฮะ
OK let take a taxi โอเคงั้นไปแท๊กซี่
OK.

Present continuous
I'm wearing boots but i'm not wearing a coat. ตอนนี้ผมใส่รองเท้าบูทอยู่แต่ไม่ได้ใส่เสื้อโคท
It's Raining ตอนนี้ฝนตก
We're wearing black suit. พวกเราใส่สูทดำอยู่

Are you wearing a black suit? ตอนนี้คุณใส่เสื้อดำอยู่หรือเปล่า
Yes,I am ใช่แล้วครับ

สรุป present Continuous สามารถใช้ Present แทนได้เลย แต่ที่ใช้ Continuous ก็เพื่อเน้นว่ากำลังทำอยู่เลย ไม่งั้นก็จะดูเป็นเรื่องบอกเล่าทั่วไป หรือทำเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

คุณมาจากไหนครับ

เมื่อพบกันเราสามารถถามว่าเค้ามาจากประเทศ หรือ จังหวัด อะไร
A: Where are you from? คุณมาจากไหน(สถานที่)?
B: I'm from Thailand. ผมมาจากประเทศไทย
A: Are you from Bangkok? มาจากกรุงเทพหรือเปล่า?
B: No,I'm not I'm from kra-bi. But my family are from Trang originally. ไม่ครับ ผมมาจากกระบี่ แต่จริงๆครอบครัวมาจากตรังครับ

ประโยคคำถามด้วย verb to be
Is Tony first language French ? ภาษาแรกของโทนี่คือภาษาฝรั่งเศสหรือเปล่า?
No,it's not.It's English. ไม่ใช่ เป็นอังกฤษหนะ.

Are your parents in the U.S. ? พ่อแม่คุณอยู่ในสหรัฐหรือเปล่า?
Yes,They are.but I'm in Europe. ใช่แล้ว แต่ผมอยู่ในยุโรป

ถามถึงคนหรือสิ่งที่ไม่รู้จัก
A: Who's that? คนนั้นใครหนะ
B: She's my sister. น้องสาวผมเอง
A: What's her name? แล้วชื่ออะไร?
A: How old is she? อายุเท่าไหร่
B : She's Tem.She's 21 years old. ชื่อเต็ม อายุ 21
A: What's she like ? แล้วน้องนายเป็นยังไงบ้างหนะ
B : She's nice and very funny.

Pretty สวย - serious จริงจัง - shy ขี้อาย - smart หัวไว - funny สนุกสนาน - tall สูง - short เตี้ย - thin ผอม - heavy อ้วน - handsome หล่อ - friendly เป็นมิตร - nice นิสัยดี - cute น่ารัก - beautiful งดงาม

คำถาม WH+Verb to be
Who ถามถึงคน
what ถามถึงชื่อ/ประเภทสิ่งของ
how ถามถึงค่าตัวเลข วิธีการ
Where ถามถึงสถานที่
when ถามถึงเวลา

What' Bangkok like ? กรุงเทพเป็นแบบไหน
it's beautiful. มันงดงาม

What's your name ? ชื่อของคุณคืออะไร?
my name is wasurak. ชื่อของผมคือ วสุรักษ์

Who are they ? พวกเขาเป็นใคร?
they are detectives. พวกเขาเป็นนักสืบ

Where are they from? พวกเขามาจากไหน ?
Tokyo โตเกียว

How are you ? คุณเป็นยังไงบ้าง?
Fine, Thank you. สบายดี ขอบคุณครับ

How old is he ? เขาอายุเท่าไหร่?
He's 41. เขา 41 แล้ว

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สิ่งของต่างๆ Article

สิ่งของต่างๆ

ภาษาอังกฤษ เวลาพูดถึงสิ่งของจะมีตัวบอกด้วยว่าสิ่งที่พูดถึงเป็น อันเดียว(เอกพจน์) หรือหลายอัน (พหูพจน์)

หลักคือถ้าเป็นเอกพจน์คือเป็นสิ่งที่นับเป็นอันๆไม่ได้ เช่น

เวลาถามสิ่งต่างๆว่าสิ่งนั้นคืออะไร ถ้าอยู่ใกล้ๆ
What's this? อันนี้(เอกพจน์)คืออะไร? What's that ? อันนั้น(เอกพจน์)คืออะไร?
it's a camera กล้องครับ/ค่ะ

ถ้าของอยู่ไกลออกไป
What's these? พวกนี้(พหูพจน์)คืออะไร What's those ? พวกนั้น(พหูพจน์)คืออะไร
they 're earrings ตุ้มหูครับ/ค่ะ

เวลาเราทำสิ่งต่างๆให้คนอื่นแล้วคนนั้นขอบคุณเรา
Thank you ขอบคุณครับ/ค่ะ
เราตอบด้วย
You're welcome ด้วยความยินดีครับ/ค่ะ

เมื่อเราไปเที่ยวต่างประเทศแต่ไม่รู้ว่าของที่เราเห็นเรียกว่าอะไร
A : What are these called in English? ของพวกนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรครับ/ค่ะ
B : I don't know ไม่รู้ครับ/ค่ะ

A : What's that called in English? สิ่งนั้นภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรครับ/ค่ะ
B : It's an Umbrella มันคือ Umbrella (ร่ม)
A : How Do you Spell that? สะกดยังไงครับ
B : U-M-B-R-E-L-L-A

เวลาถามว่าอยู่อะไรที่ไหนใช้ Where + verb to be

A: Where are my car keys? กุญแจรถของฉันอยู่ไหนหว่า
B: Umm. Are they in your pocket? เออ อยู่ในกระเป๋าเธอหรือเปล่า
A: No ,they're not. ไม่อยู่
C: Are these your keys? นึ่ใช่กุญแจของคุณหรือเปล่าครับ
A: Yes,they are. thank you. ใช่ครับ ขอบคุณครับ

A: Is my ticket in your purse? ตั๋วของฉันอยู่ในกระเป๋าสตางค์คุณหรือเปล่า?
B: No,they're not. It's in your car ไม่อยู่ ตั๋วอยู่ในรถคุณไง

preposition;
in ข้างใน
in front of ข้างหน้า
behind ข้างหลัง
on ข้างบน
next to ข้างข้าง
under ข้างใต้

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แนะนำตัว ทักทาย

แนะนำตัว
my name is Wasurak. ผมชื่อวสุรักษ์
I'm Wasurak ผมคือวสุรักษ์

What's your name? คุณชื่ออะไรครับ
ตอบ My name is Wasurak หรือ i'm Wasurak.

หลังแนะนำตัว It's nice to meet you,Wasurak. รู้สึกดีที่ได้พบคุณ, วสุรักษ์
และตอบว่า Nice to meet you too. รู้สึกดีที่ได้พบคุณเช่นกัน

Grammar
My - your - his - her - their ใช้วางหน้าคำนามแสดงการเป็นเจ้าของ
My ของฉัน
your ของคุณ
his ของเขา(ผู้ชาย)
her ของเธอ
their ของพวกเขา/ของพวกเธอ

ทักทาย
เริ่มด้วยคำทักทายตามความสนิท
เป็นทางการ Good Morning (สวัสดีตอนเช้าครับ/ค่ะ) Good Afternoon (สวัสดีตอนบ่ายครับ/ค่ะ) Good evening (สวัสดีตอนเย็น/ค่ำ ครับ/ค่ะ)
เป็นกันเอง Hi (หวัดดี), Hello (หวัดดี) , Morning (หวัดดีตอนเช้า)

ตามด้วยเรียกชื่อ
ถ้าเป็นทางการต้องเรียกคำนำหน้าแล้วตามด้วย Last name คำนำหน้าเช่น Mr/Mister (คุณ ใช้กับผู้ชาย) Miss/Ms/Mrs (คุณ ใช้กับผู้หญิง)

และถ้ามีเวลาก็ถามสารทุกข์สุขดิบตามมารยาทด้วย
ประโยคที่ใช้กันทั่วไปคือ How are you? (เป็นไงบ้าง/สบายดีหรือเปล่า) How do you do?(เป็นไงบ้างค่อนข้างเป็นทางการหน่อย) How di?(พูดรวบๆของคำว่า How do you do? ถ้าสนิทกัน

อีกคนก็ควรจะตอบด้วย
Ok - I'm great - Great (เยี่ยมเลย) - I'm Fine - Fine (สบายดีครับ/ค่ะ) - Not Bad (ก็ไม่เลว) - good (ก็ดีนะ)

และควรขอบคุณและถามเป็นมารยาทกลับไปเช่นกัน
Thank you and you (ขอบคุณ แล้วคุณหละ) - How About you ? - How are you ? - How do you do? how di?

ตัวอย่างการสนทนา1 เป็นทางการ
Wasurak Pugdeesrisuntigul : Good morning Mr Eedgup. How are you? สวัสดีตอนเช้าครับคุณ Eedgup สบายดีหรือเปล่าครับ
Karusaw Eedgup : I'm Fine.thank you. And you? ผมสบายดีครับ ขอบคุณมาก แล้วคุณหละ
Wasurak Pugdeesrisuntigul : I'm Great. thank you. เยี่ยมเลยครับ ขอบคุณ

ตัวอย่างการสนทนาทั่วไป

Wasurak : Hi,Karusaw How are you? ดี Karusaw เป็นไงบ้าง
Karusaw : Good. How about you ?ก็ดีนะ แล้วคุณหละ
Wasurak : Ok. Thanks. โอเค ขอบ

ตัวอย่างการสนทนา3 เร่งรีับและสนิทกัน

Wasurak : How di? (ไง)
Karusaw : How di? (เออ)



ในกรณีที่จำชื่อไม่ได้แน่นอน หรือ กรณีที่หาคนแต่ไม่รู้จักหน้า เรามีวิธีถามคือ

Are you ... ? คุณคือ ... หรือเปล่าครับ/ค่ะ

เช่น Are You Wasurak? คุณคือคุณวสุรักษ์หรือเปล่าครับ/ค่ะ
Are you Police? คุณเป็นตำรวจหรือเปล่าครับ/ค่ะ (กำลังหาตำรวจให้ช่วยอยู่)

คนตอบสามารถตอบได้ว่า
Yes ใช่แล้ว(แต่จะห้วนไปหน่อย) Yes,I am ใช่ผมเองครับ / ใช่ดิฉันเองค่ะ
No ไม่ใช่(แต่จะห้วนไปหน่อย) No , I'm Not ไม่ใช่ผมครับ / ไม่ใ่ช่ดิฉันค่ะ

ส่วนการแนะนำเพื่อนให้รู้จักกัน
ตัวอย่าง Wasurak แนะนำ John ให้รู้จักกับ mary
Wasurak : Mary, This is John. แมรี่ คนนี้จอน
Mary : Hi John. Nice to meet you. สวัสดีจอน ยินดีที่ได้พบกันนะ
John : Hi Mary.Nice to meet you too. สวัสดีแมรี่ ยินที่ที่ได้พบเช่นกันครับ

Grammar
Verb to be [is am are] แปลว่า เป็น/อยู่/คือ (แล้วแต่กรณีว่าประโยคไหนเข้า)
I (ฉัน) ใช้กับ am
you (คุณ) we(พวกเรา) - they(พวกเขา) ใช้กับ are
he (ผู้ชายคนนั้น) - she(ผู้หญิงคนนั้น) - it (ใช้เรียกแทนทุกอย่างที่เหลือ) ใช้กับ is

ตัวอย่าง
I'm Wasurak ฉันคือวสุรักษ์
We are the Champion พวกเราเป็นแชมป์
He is a Carpenter ผู้ชายคนนั้นเป็นช่างไม้
She is home ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่บ้าน

อำลา
มีให้เลือกใช้ได้หลายอย่าง
Bye - Bye bye บ๊ายบาย
See you later แล้วเจอกัน See you tomorrow พบกันใหม่พรุ่งนี้
ฺัำGood Bye , Good Night , Good evening สวัสดี

ตัวอย่าง1
Wasurak : Good Night, Mary.
Mary : Good Bye, Wasurak

ตัวอย่าง 2
Wasurak : Bye bye, Mary.
Mary : See you later, Wasurak.